เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printers) หรือที่เรียกอีกอย่างว่าเครื่องพิมพ์สามมิติ (3D Printer) เป็นอุปกรณ์ที่สร้างวัตถุสามมิติโดยการเพิ่มวัสดุทีละชั้น โดยใช้ไฟล์แบบจำลองดิจิทัลเป็นพื้นฐาน และใช้วัสดุขี้ผึ้งพิเศษ โลหะผงหรือพลาสติก และวัสดุเชื่อมติดอื่นๆ เพื่อสร้างวัตถุสามมิติโดยการพิมพ์ทีละชั้น
หลักการทำงาน
หลักการทำงานของเครื่องพิมพ์ 3 มิติจะคล้ายกับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ททั่วไป แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นภาพสามมิติแทนที่จะเป็นภาพสองมิติ เครื่องพิมพ์ 3 มิติใช้เทคโนโลยีการประมวลผลแบบเลเยอร์และการขึ้นรูปแบบซูเปอร์โพซิชันเพื่อวางวัสดุซ้อนกันทีละชั้นจนกลายเป็นวัตถุสามมิติที่สมบูรณ์ในที่สุด เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติทั่วไป ได้แก่ การสร้างแบบจำลองแบบหลอมละลาย (FDM) สเตอริโอลิโทกราฟี (SLA) และมาสก์สเตอริโอลิโทกราฟี (MSLA)
เขตข้อมูลการสมัคร
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติถูกนำมาใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายสาขา เช่น การแพทย์ การออกแบบอุตสาหกรรม สถาปัตยกรรม การศึกษา เป็นต้น ในด้านการแพทย์ การพิมพ์ 3 มิติสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างขาเทียมและเครื่องมือจัดฟันแบบสั่งทำพิเศษ ในการออกแบบอุตสาหกรรม ใช้สำหรับการสร้างต้นแบบอย่างรวดเร็วและการผลิตแบบเป็นล็อตเล็ก ในด้านสถาปัตยกรรม การพิมพ์ 3 มิติสามารถพิมพ์โมเดลสถาปัตยกรรมและแม้แต่ส่วนประกอบต่างๆ ได้ ในด้านการศึกษา เครื่องพิมพ์ 3 มิติช่วยปลูกฝังความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการปฏิบัติจริง
ภูมิหลังทางประวัติศาสตร์
เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติถือกำเนิดขึ้นในช่วงทศวรรษ 1980 และได้รับการคิดค้นโดย Chuck Hull หลังจากผ่านการพัฒนามาหลายปี เทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เทคโนโลยีการสร้างต้นแบบอย่างรวดเร็วในช่วงแรกจนถึงการใช้งานอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน จนกลายมาเป็นเทคโนโลยีการผลิตแบบเติมแต่งที่สำคัญ
ด้วยข้อมูลนี้ คุณสามารถเข้าใจคำจำกัดความ หลักการทำงาน สาขาการใช้งาน และประวัติความเป็นมาของเครื่องพิมพ์ 3 มิติได้อย่างครบถ้วน